ซักที่นอน

วิธีทำความสะอาดที่นอน ซักที่นอนที่ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุใช้งาน

วิธีทำความสะอาดที่นอน ซักที่นอนที่ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุใช้งาน ให้สะอาด ปราศจากเชื้อโรค

ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุ มักเป็นกลุ่มคนที่ใช้เวลาอยู่บนที่นอนค่อนข้างมาก เพราะร่างกายจำเป็นต้องพักฟื้น หรือพักผ่อนมากกว่าบุคคลทั่ว ๆ ไป การใช้งานที่นอนที่มาก และหนัก ย่อมทำให้ที่นอนเกิดการสะสมเชื้อโรค และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ ในขณะะเดียวกัน ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุ มักมีภูมิคุ้มกันที่ลดลง ทั้งจากปัญหาด้านสุขภาพ และความเสื่อมถอยของร่างกาย หากทำความสะอาดที่นอน หรือซักที่นอนไม่ถูกวิธี ที่นอนอาจไม่สะอาดเพียงพอ และกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคแทนได้ ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุก็จะได้รับเชื้อโรคเหล่านั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบกับร่างกายได้ง่ายกว่าคนที่สุขภาพแข็งแรง หรือคนในวัยหนุ่มสาว ดังนั้นควรดูแลที่นอน เครื่องนอน และสภาพแวดล้อมบริเวณห้องนอน ที่ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุใช้งานให้สะอาดอยู่เสมอ รวมทั้งทำความสะอาดที่นอน ซักที่นอน และดูดฝุ่นที่นอน อย่างถูกวิธี บทความนี้ SOFABOY จะมาแชร์วิธีทำความสะอาดที่นอน ซักที่นอนที่ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุใช้งาน ให้ทราบกัน

ที่มาของคราบสกปรกต่าง ๆ บนที่นอน และวิธีทำความสะอาด หรือซักที่นอนเบื้องต้น

1. ฝุ่นละอองจากภายนอก ฝุ่นละอองภายนอกอาจแฝงมากับลมที่พัดเข้าห้องนอน เมื่อมีการเปิดหน้าต่างระบายอากาศ เพื่อให้อากาศถ่ายเท อาจเป็นฝุ่นจากดิน ฝุ่นจากสิ่งของรอบ ๆ บ้าน ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์เลี้ยงที่อาจปลิวเข้ามา รวมถึงฝุ่นจากมลภาวะนอกบ้านที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 เช่น เขม่ารถยนต์ หรือควันจากการเผาขยะ เผาหญ้า ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจอย่างมาก หากห้องนอนได้รับฝุ่นเหล่านี้ อาจทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นบนที่นอน ส่งผลให้ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุที่ใช้งาน หายใจติดขัดไม่สะดวก หรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม และอาจก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ วิธีทำความสะอาดที่นอน คือการดูดฝุ่นที่นอนเป็นประจำ อาจใช้เครื่องดูดฝุ่นที่สามารถดูดฝุ่นที่ผ้าได้ หรือใช้เครื่องดูดฝุ่นที่นอนโดยตรง ควรหมั่นดูดฝุ่นที่นอน และเครื่องนอนบ่อย ๆ และนำมาผึ่งแดดบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อให้แสง UV ฆ่าเชื้อโรค 2. ฝุ่นจากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เมื่อเซลล์ผิวหนังตาย ร่างกายจะทำการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวหนังที่ตายหลุดลอกออกมาจากร่างกาย และกลายเป็นฝุ่นสะสมตามที่นอน เตียง ฟูก เครื่องนอนต่าง ๆ หรือบางรายอาจมีรังแค ก็ก่อให้เกิดฝุ่นได้เช่นเดียวกัน ซึ่งฝุ่นเหล่านี้เป็นอาหารชั้นดีของไรฝุ่น ไรฝุ่น คือแมลงในตระกูลเดียวกับเห็บ และแมงมุม มีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ชอบอากาศชื้น และกินเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วเป็นอาหาร จึงทำให้ที่นอน หมอน ผ้าห่ม มีไรฝุ่นอาศัยอยู่มากมาย มูลของมัน และซากไรที่ตายแล้วสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ อาจเกิดผื่นคันบริเวณที่สัมผัสโดน และยังกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ และกระตุ้นอาการหอบหืดของผู้ป่วยโรคหอบหืดได้ วิธีทำความสะอาดที่นอน คือการนำที่นอนไปตากแดด แสงแดดสามารถฆ่าไรฝุ่นได้ และช่วยลดความชื้นของที่นอนซึ่งเป็นปัจจัยการเจริญเติบโตของไรฝุ่น แต่วิธีนี้อาจกำจัดไรฝุ่นได้เพียงบางส่วน ควรเลือกใช้บริการกำจัดไรฝุ่น หรือบริการซักที่นอนโดยตรง จากผู้ให้บริการ เพราะมีอุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ใช้กำจัดไรฝุ่นได้เห็นผลกว่า ส่วนเครื่องนอน เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอน สามารถซักที่นอนด้วยน้ำร้อน อุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส นาน 15-30 นาที หรือซักที่นอนด้วยน้ำธรรมดาแล้วอบผ้าด้วยความร้อนโดยเครื่องอบผ้า ความร้อนก็จะกำจัดไรฝุ่น และไข่ของมันได้ 3. คราบของเสียจากร่างกาย ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุ อาจลุก หรือเดินไม่สะดวก และผู้สูงอายุส่วนใหญ่ทั้งหญิง และชาย มักมีอาการกลั้นปัสสาวะ หรืออุจจาระไม่ได้ สาเหตุเหล่านี้อาจทำให้ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุลุกไปเข้าห้องน้ำไม่ทัน เกิดการปัสสาวะ หรืออุจจาระเล็ดเปื้อนที่นอนได้ หรือบางรายที่มีการใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ หากผู้ดูแลไม่หมั่นเปลี่ยนให้บ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดการหมักหมม อาจซึมออกมาเลอะเปื้อนที่นอนได้ รวมถึงของเสียอื่น ๆ ที่ออกมาจากร่างกาย เช่น เหงื่อ น้ำมูก น้ำลาย เป็นต้น และในผู้ป่วยบางรายก็อาจมีเลือด หรือน้ำเหลืองซึมตามผิวหนังออกมาเปื้อนที่นอน คราบเหล่านี้ปนเปื้อนเชื้อโรค เพราะเป็นของเสียจากร่างกาย หากปล่อยให้หมักหมม หรือไม่ทำความสะอาดดีพอ ผู้ใช้งานอาจเกิดการติดเชื้อจากการใช้ที่นอนได้ วิธีทำความสะอาดที่นอนที่ดี คือการซักที่นอน เพราะของเสียจากร่างกายมีเชื้อโรค และแบคทีเรีย สามารถทำให้ติดเชื้อได้ ไม่ส่งผลดีทั้งต่อผู้ใช้งาน และผู้ที่ดูแล จึงควรทำความสะอาดที่นอนให้มากที่สุด โดยการซักที่นอนให้สะอาด ซึ่งควรใช้บริการซักเตียง หรือบริการซักที่นอนจากผู้ให้บริการโดยตรง เพราะจะมีอุปกรณ์ และเครื่องมือต่่าง ๆ สำหรับซักที่นอนโดยเฉพาะ และควรหาผ้ายางมารองที่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้ของเสียซึมเข้าที่นอนได้ง่าย 4. คราบอาหาร และเครื่องดื่ม ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุ อาจมีการรับประทานอาหาร น้ำ หรือยาบนที่นอน ซึ่งอาจทำหกลงบนที่นอนได้ ทำให้เกิดคราบฝังตัวบนที่นอน หากปล่อยนานไปก็จะเป็นคราบฝังแน่น เมื่อได้รับความชื้นอาจเกิดเป็นเชื้อรา หากหายใจเชื้อราเข้าไปก็จะส่งผลเสียต่อปอด และระบบทางเดินหายใจได้ วิธีทำความสะอาดที่นอน ให้กำจัดเศษอาหารออกให้หมดก่อน จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำผสมน้ำยาซักผ้า หรือน้ำยาซักที่นอนมาเช็ดทำความสะอาดที่นอนให้หมดคราบ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดที่แห้งซับน้ำออก แล้วเป่าให้แห้งอีกครั้งด้วยไดร์เป่าผม หรือพัดลม ควรทำให้ที่นอนแห้งสนิท เพราะหากยังมีความชื้น จะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ หรือใช้บริการซักที่นอน บริการซักเตียงจากผู้ให้บริการโดยตรง เพื่อกำจัดคราบสกปรกบนที่นอนได้หมดจด วิธีซักที่นอน ทำความสะอาดที่นอนที่ SOFABOY หยิบยกมาแนะนำนี้ เป็นเพียงวิธีเบื้องต้นเท่านั้น หากต้องการที่นอนที่สะอาด ปราศจากฝุ่นไร เชื้อโรค เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของผู้ที่ใช้งาน แนะนำมองหาผู้ให้บริการมืออาชีพ ให้เรื่องซักที่นอน ทำความสะอาดที่นอนเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก สะดวกสบาย ประหยัดเวลา และได้มาตรฐาน SOFABOY เราคือผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานมืออาชีพ อันดับ 1 ในเรื่องบริการซักที่นอน ทำความสะอาดที่นอน บริการซักเตียง ซักที่นอน บริการกำจัดไรฝุ่น ดูดฝุ่นที่นอนทุกประเภท สามารถฟื้นฟูสภาพที่นอนได้อย่างที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และบริการทำความพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด บริการซักที่นอนด้วยน้ำยาเฉพาะจาก 3M. พร้อมใช้งานภายใน 1-2 ชั่วโมง เริ่มต้นเพียง 1390บาท กรุงเทพและปริมณฆล ไม่คิดค่าเดินทางเพิ่ม มั่นใจได้ในความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนานของ SOFABOY


สอบถามรายละเอียดบริการและโปรโมชั่นพิเศษ
บริการกำจัดไรฝุ่น ซักที่นอน ทำความสะอาดที่นอน ดูดฝุ่นที่นอน
บริการซักพรมบ้าน สำนักงาน ร้านค้า ออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า
บริการทำความสะอาดโซฟาผ้า ซักโซฟาผ้า ดูดฝุ่นโซฟา ทำความสะอาดม่าน และฉีดพ่นฆ่าเชื้อ

Previous Post
Newer Post

Leave A Comment